
ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยความผันผวน ไม่ว่าจะเป็นเงินเฟ้อที่กลับมาแรง อัตราดอกเบี้ยที่ยังสูง หรือความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ นักลงทุนทั่วโลกต่างมองหาพอร์ตที่สามารถยืนระยะได้ในทุกสถานการณ์ หนึ่งในแนวทางที่โดดเด่นและถูกพูดถึงมากที่สุดคือ All Weather Portfolio ผลงานของ Bridgewater Associates ภายใต้การนำของ Ray Dalio ซึ่งกลายเป็นต้นแบบสำคัญของการจัดพอร์ตแบบ Risk Parity
กลยุทธ์นี้ไม่เพียงเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องการลงทุน แต่ยังได้รับการยอมรับว่าเป็น “Resilient Portfolio” หรือพอร์ตที่ทนทาน เหมาะกับการถือยาวโดยไม่ต้องกังวลกับการคาดเดาอนาคต
คืนวันที่ 15 สิงหาคม 1971 ประธานาธิบดี Nixon ประกาศยกเลิกการผูกค่าเงินดอลลาร์กับทองคำ เหตุการณ์ที่ควรเป็นวิกฤติกลับกลายเป็น “Nixon Rally” หุ้นสหรัฐดีดตัวกว่า 4% ขณะที่ราคาทองคำก็พุ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ Ray Dalio ในตอนนั้นคาดไม่ถึง จากเหตุการณ์นี้เอง เขาตระหนักว่า “ประสบการณ์ส่วนตัวไม่พอที่จะเข้าใจเศรษฐกิจ” และหันไปพัฒนาแนวคิด Economic Machine โดยมองว่าตลาดเคลื่อนไหวจาก “ความประหลาดใจ” เมื่อสิ่งที่เกิดขึ้นจริงต่างจากสิ่งที่ถูกคาดการณ์ไว้ หากสร้างพอร์ตที่ไม่เอนเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ก็จะได้ความมั่นคงในระยะยาว
ในช่วงทศวรรษ 1980–1990 ทีม Bridgewater ทดลองสร้างพอร์ตที่เน้น “สมดุลความเสี่ยง” พวกเขาพบว่า
- หุ้นทำผลงานดีในช่วงเศรษฐกิจเติบโต
- พันธบัตรเหมาะกับช่วงเงินเฟ้อต่ำหรือเศรษฐกิจถดถอย
- สินค้าโภคภัณฑ์และทองคำเด่นในช่วงเงินเฟ้อสูง
ปัญหาของพอร์ตการลงทุนทั่วไป คือหุ้นมีน้ำหนักมากเกินไป ทำให้เสี่ยงกระจุกตัว Dalio และทีมจึงคิดวิธี Risk Balancing หรือการจัดพอร์ตตาม “น้ำหนักความเสี่ยง” แทนที่จะดูเพียง “สัดส่วนเงิน”
แนวคิดนี้ถูกสรุปออกมาเป็นโมเดล “4 กล่อง” ที่ยังใช้จนถึงปัจจุบัน
1. เศรษฐกิจเติบโต หุ้นทั่วโลก
2. เศรษฐกิจถดถอย พันธบัตรรัฐบาล
3. เงินเฟ้อสูง Inflation-linked Bonds, สินค้าโภคภัณฑ์ และทองคำ
4. เงินเฟ้อลดลง พันธบัตรและหุ้นคุณภาพ
ปี 1996 Ray Dalio นำโมเดลนี้มาสร้างพอร์ต All Weather สำหรับทรัสต์ครอบครัว ผลลัพธ์ออกมาดีมาก และต่อมาก็ถูกนำไปใช้โดยกองทุนบำนาญ มหาวิทยาลัย และรัฐบาลหลายแห่ง ในเวลาต่อมา แนวคิดนี้ถูกต่อยอดเป็น SPDR Bridgewater All Weather ETF (ALLW) ที่บริหาร โดย SSGA และนักลงทุนไทยก็สามารถเข้าถึงได้ผ่าน MFC Global Strategic Allocation Fund (MGALL-H / MGALL-UH)
โครงสร้าง ALLW ลงทุนกระจายไปในหุ้น พันธบัตร ทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก โดยใช้ทั้งการลงทุนตรงและอนุพันธ์
ข้อมูลล่าสุดเดือนกรกฎาคม 2025 พอร์ตมีสัดส่วนดังนี้
Global Nominal Bonds ราว 71%
Global Equities ราว 43%
Inflation-Linked Bonds ราว 38%
Commodities ราว 37%
Top Holdings ที่สำคัญคือ
SSI US Government Money Market
SPDR S&P 500 ETF
Treasury Inflation-Protected Securities (TIPS)
จุดแข็งของ All Weather
1. พอร์ตถูกออกแบบมาให้ยืนหยัดได้โดยไม่ต้องเดาอนาคต
2. กระจายความเสี่ยงอย่างแท้จริง เพราะแต่ละสินทรัพย์ทำงานได้ดีในสภาพเศรษฐกิจที่ต่างกัน
3. ใช้แนวคิด Risk Parity ที่กระจายน้ำหนักตามความเสี่ยง ไม่ใช่เงินลงทุน
4. ผ่านการพิสูจน์ในหลายวิกฤติ ทั้งปี 2000, 2008 และช่วงหลังโควิด
ทางเลือกสำหรับนักลงทุนไทย
คนไทยสามารถลงทุนในกลยุทธ์นี้ได้ผ่านกองทุน MFC Global Strategic Allocation Fund ที่นำเงินไปลงทุนใน ALLW มากกว่า 80%
MGALL-H มีการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน
MGALL-UH ไม่มีการป้องกันค่าเงิน
- ทั้งสองกองทุนเหมาะกับผู้ที่มองหาการลงทุนระยะยาวที่มั่นคง และไม่อยากเสียเวลาเดาเศรษฐกิจ
ใครที่ต้องการพอร์ตที่อยู่รอดในทุกสถานการณ์ All Weather Portfolio คือหนึ่งในคำตอบ!
และถ้าอยากลงทุนง่ายในไทย สามารถเลือก MFC Global Strategic Allocation Fund ทั้งแบบ MGALL-H หรือ MGALL-UH
สนใจลงทุน ติดต่อ บล.บียอนด์ เพื่อขอคำแนะนำได้ทันที
https://lin.ee/INNrmFP
โลกเศรษฐกิจเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แต่พอร์ต All Weather ถูกออกแบบมาเพื่อพาคุณเดินทางไกล ฝ่าทุกพายุได้อย่างมั่นคง