
เยอรมนีซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก กำลังกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง หลังรัฐบาลประกาศใช้นโยบายการคลังเชิงรุกและปลดล็อกข้อจำกัดการกู้ยืม เพื่อเร่งลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน อุตสาหกรรมกลาโหม และเศรษฐกิจดิจิทัล
กรอบงบประมาณของรัฐบาลกลางระหว่างปี 2025–2029 อยู่ที่กว่า 500,000 ล้านยูโรต่อปี พร้อมงบพิเศษอีกหลายหมื่นล้านยูโรสำหรับโครงการ Climate Neutrality และด้านกลาโหม โดยเม็ดเงินจำนวนมากจะถูกกระจายไปสู่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ระบบราง การศึกษาและสวัสดิการสังคม โครงการที่อยู่อาศัย ตลอดจนการยกระดับเศรษฐกิจดิจิทัลที่บริษัทชั้นนำอย่าง SAP ได้รับประโยชน์โดยตรง
การใช้จ่ายภาครัฐขนาดใหญ่เช่นนี้มีแนวโน้มผลักดันให้ผลตอบแทนพันธบัตรปรับสูงขึ้น และกระตุ้นให้เงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น ล่าสุดดัชนี ZEW Economic Sentiment ของเยอรมนีซึ่งมักเป็นตัวชี้นำดัชนี DAX ล่วงหน้า 3–4 เดือน ฟื้นกลับมาทรงตัวอยู่ที่ระดับ 37.3 หากค่าดัชนีนี้ปรับขึ้นสู่ระดับ 50.0 จะถือเป็นสัญญาณบวกต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจ
แม้หุ้นเยอรมันจะไม่ได้อยู่ในระดับราคาที่ต่ำมากนัก แต่ยังคงมีมูลค่าที่น่าสนใจกว่าเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ โดยค่า Forward P/E ของ DAX อยู่ที่ 16.97 เท่า เทียบกับ S&P 500 ที่ 23.64 เท่า อย่างไรก็ตาม ยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยทางการเมือง หากเกิดการเปลี่ยนขั้วรัฐบาลในอนาคตอันใกล้ อาจกระทบต่อทิศทางนโยบายการคลังที่ตลาดคาดหวังไว้ได้
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นเยอรมันสามารถลงทุนผ่าน กองทุน EASTSPRING German Equity Fund (ES-GER) ได้
กองทุนนี้ลงทุนใน Xtrackers DAX UCITS ETF (DR) ซึ่งได้รับ Morningstar Rating 5 ดาว กองทุนนี้ใช้นโยบายลงทุนเชิงรับ (Passive Fund) ในหุ้นเยอรมันขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าตลาดสูง 40 ลำดับแรก ให้ได้ผลตอบแทนใกล้เคียงกับดัชนี DAX40
ตัวอย่างของหุ้นที่กองทุนนี้ลงทุน ได้แก่ SAP, Siemens, Allianz, Deutsche Telekom และ Airbus ซึ่งสอดคล้องกับธีม “เทคโนโลยี โครงสร้างพื้นฐาน และกลาโหม” ที่รัฐบาลเยอรมันกำลังเร่งพัฒนา
สนใจลงทุน ติดต่อ บล.บียอนด์ เพื่อรับคำแนะนำ และเปิดโอกาสการลงทุนในประเทศเยอรมนีได้ทันที https://lin.ee/INNrmFP